เขาสิเนรุและทวีปทั้ง๔ (มนุสสโลก)

 

     มนุสสโลก ที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงในที่นี้ มิได้หมายถึงเพียงแค่โลก หรือดาวโลก ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง เท่านั้น แต่หมายถึง แดนอันเป็นขอบเขตแห่งมนุษย์ หรือแดนที่ธรรมชาติ (อันผ่านการปรับสมดุลย์แล้ว) สร้างไว้เพื่อมนุษย์ ขอบเขตแห่งแดนนี้ นั่นแล คือแดนมนุสสโลก

     ขอบเขตมนุสสโลก กว้างขวาง กว้างใหญ่ สุดสายตาธรรมดาจะมองเห็นได้ อันประกอบด้วยจักรวาลมากมาย จากดาวโลกของเราไป กระทั่งดาวดวงที่อยู่รอบนอกสุดแห่งจักรวาลอื่น นักวิทยาศาสตร์อาจยังสำรวจไม่พบ และที่สำรวจพบแล้ว ก็มีระยะทางคำนวณแล้วหลายล้านปีแสง ซึ่งก็ไกลมากทีเดียว หากนับจากดาวดวงรอบนอกสุดแห่งจักรวาลอื่นออกไป ในรัศมีการดึงดูดของมัน นั่นแล คือขอบเขตแห่งมนุสสโลก... ซึ่งจักรวาลอื่นๆ บางจักรวาล ก็มีมนุษย์อาศัยอยู่เช่นกัน...     ลองเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า แล้วจินตนาการเอาว่า ดาวที่เรามองเห็นนั้น อยู่ไกลแค่ไหน... นั่นแหละ เทวโลก อยู่ไกลกว่านั้นไปอีก....

     ย่อเข้ามาในจักรวาลที่เราอาศัยอยู่ อันเป็นจักรวาลขนาดเล็ก กระนั้นก็ตาม ก็มีมนุษย์อาศัยอยู่มากมาย นอกจากมนุษย์ที่เรามองเห็นกันอยู่นี้แล้ว ยังมีมนุษย์เหล่าอื่นอีก ที่เรามองไม่เห็น เป็นมนุษย์เหมือนกัน อยู่ในจักรวาลเดียวกัน แต่มองไม่เห็น เพราะอยู่คนละมิติ

     หากจะมองภูมิศาสตร์มนุสสโลก แห่งจักรวาลนี้แล้ว.... จักรวาลของเรานี้ มีเขาสิเนรุ เป็นแกนกลาง และสรรพวัตถุแห่งจักรวาลนี้ ก็วิ่งวนหมุนรอบเขาสิเนรุ

     เขาสิเนรุ เป็นภูเขาสูงใหญ่ มีมวลมากพอจะดึงดูดหลายๆสิ่ง หลายๆมิติ ให้หมุนวนรอบได้ เขาสิเนรุ มิได้อยู่ในมิติของเราก็จริง แต่อำนาจแห่งแรงโน้มถ่วง ก็ส่งมาถึงมิติของเราได้

       ถัดจากเขาสิเนรุออกมา มีเทือกเขาแวดล้อมอีก ๗ เทือกเขา เรียกว่า สัตตบริภัณฑ์ คือ

๑. อัสสกัณณะ
๒. วิเนตกะ
๓.เนมินธร
๔.ยุคันธร
๕.อิสินธร
๖.กรวีกะ
๗.สุทัสสนะ

     และระหว่างเขาสิเนรุกับเขาอัสสกัณณะ รวมถึงระหว่างเทือกเขาแต่ละเทือก มีมหาสมุทรคั่นอยู่ รวมแล้ว ๗ มหาสมุทร   เรียกว่า สีทันดรมหาสมุทร หรือมหาสมุทรสีทันดร แปลว่ามหาสมุทรที่อยู่ในระหว่าง ซึ่งมีน้ำสุขุมละเอียดยิ่งนัก ถึงกับทำให้ทุกๆ สิ่งแม้เบาที่สุด เมื่อตกลงก็จมทันที คำว่า สีทะ แปลว่า ทำให้ทุกๆ สิ่งจมลง บวกกับคำว่า อันตระ  แปลว่า ระหว่าง หมายถึงคั่นอยู่ระหว่าง จึงรวมเรียกว่า สีทันตระ ไทยเราเรียกว่า สีทันดร... การจะข้ามทะเลสีทันดรไปได้ ต้องอาศัยการบินข้าม เหาะข้าม เท่านั้น ไม่สามารถข้ามได้ด้วยเรือ เพราะไม่มีอะไรลอยอยู่บนน้ำทะเลสีทันดรได้

     มหาสมุทรสีทันดร เปรียบเสมือนกำแพงแห่งมิติ กำแพงแห่งกาลเวลา การข้ามผ่านสีทันดร ต้องได้อาศัยฤทธิ์ทางใจ ผู้ที่จะข้ามผ่านไปได้ ต้องเป็นผู้มีฤทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์กึ่งเทพ หรือเทพก็ตาม.... หรือไม่ก็ต้องอาศัยของวิเศษ เช่นจักรรัตนะ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม คนธรรมดา ก็สามารถจะข้ามผ่านสีทันดรได้ ด้วยวิธีพิเศษ ที่เรียกว่า “จุติ”

     การจุติ เป็นการ เปลี่ยนย่านความถี่ของจิต จากย่านความถี่หนึ่ง เป็นอีกย่านความถี่หนึ่ง หรือเป็นย่านความถี่เดิม แล้วแต่กิเลสกรรมและวิบากอันติดอยู่กับจิต จิตที่จุตินั้น นั่นแล จะสามารถลอยข้ามผ่านสีทันดรไปได้... การจุติ พูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ การตายแล้วเกิดใหม่ นั่นเอง....

     ถัดจากเทือกที่ ๗ ออกมา ก็เป็นมหาสมุทรน้ำเค็ม มีทวีปใหญ่ๆ อยู่ใน ๔ ทิศ แห่งเขาสิเนรุ ทิศละ ๑ ทวีป (ทวีป คือแดนต่างมิติอันมนุษย์อาศัยอยู่) คือ

        ๑. ทางทิศตะวันออก มีทวีปชื่อว่า วิเทหะ หรือเรียกว่า บุพพวิเทหะ มีมนุษย์อาศัยอยู่ ต้นไม้ประจำทวีป คือ ต้นซึก

        ๒. ทางทิศใต้ มีทวีปชื่อว่า ชมพู  หรือเรียกว่า ชมพูทวีป เป็นทวีปที่เราอาศัยอยู่ ต้นไม้ประจำทวีป คือ ต้นชมพู (แปลว่าไม้หว้า) ต้นชมพูที่กล่าวถึงนี้ อยู่ที่ภูเขาหิมพานต์

        ๓. ทางทิศตะวันตก มีทวีปชื่อ อมรโคยาน มีมนุษย์อาศัยอยู่ ต้นไม้ประจำทวีป คือ ต้นกระทุ่ม

        ๔. ทางทิศเหนือ มีทวีปชื่อ  อุตตรกุรุ  มีมนุษย์อาศัยอยู่ ต้นไม้ประจำทวีป คือ ต้นกัลปพฤกษ์… เป็นทวีปที่เจริญที่สุด

     ทวีปทั้ง๔ นี้ อาศัยพระอาทิตย์ดวงเดียวกัน อาศัยแรงโน้มถ่วงจากแหล่งเดียวกัน

     หากผู้มีฤทธิ์ขึ้นไปบนฟ้า ณ ที่สูงกว่าดวงดาวทั้งหลาย (เพราะแค่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก็อยู่สูงกว่า ไกลกว่า ดาวทั้งหลายแล้ว.... ณ ที่ที่มีดวงดาว โคจรไปถึง ขอบเขตที่ดวงดาวโคจรไปถึง อันกว้างใหญ่ไพศาล ประกอบด้วยจักรวาลมากมาย ทั้งหมดนี้ คือขอบเขตแห่งมนุสสโลก... เทวโลกอยู่ไกลเกินนั้นไปอีก...พรหมโลก ก็ไกลกว่านั้นไปอีก...)  มองลงมา ก็จะเห็น ยอดเขาสิเนรุ อันแวดล้อมด้วย ทวีปทั้งสี่ ทิศละหนึ่งทวีป... เปรียบเหมือน เรามองดูอ่างบัวซึ่งมีกอบัวหนึ่งกอ มีดอกหนึ่งดอก มีใบสี่ใบ ทิศละหนึ่งใบ ดอกบัว เปรียบเหมือนยอดเขาสิเนรุ ใบบัว เปรียบเสมือน ทวีปทั้งสี่ ...เขาสิเนรุ สูงเกินกว่าที่สายตาเรามองจนถึงยอดได้  ทว่า ถ้าไม่มีตาทิพย์ ก็มองไม่เห็นอยู่ดี